สาเหตุ ของการเกิดโรคความดันโลหิตสูง
การรับประทานอาหารที่ไม่ได้สัดส่วน หวาน มัน โดยเฉพาะอาหารที่มีเกลือ (โซเดียม) สูง มีส่วนที่ทำให้เกิดโรคความดันโลหิตสูงได้ถึงร้อยละ 50 การขาดการออกกำลังกาย จะเกิดโรคความดันโลหิตสูงร้อยละ 20 ขณะที่ภาวะอ้วนสัมพันธ์กับการเกิดโรคความดันโลหิตสูง ร้อยละ 30 ยังมีรายงานว่าการดื่มแอลกอฮอล์เกิน การสูบบุหรี่ และการบริโภคไขมันก็มีส่วนเป็นเหตุให้เกิดโรคความดันโลหิตสูง โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง ควรงดบุหรี่
ภาวะแทรกซ้อนโรคความดันโลหิตสูง
ความดันโลหิตสูง ส่งผลให้หัวใจทำงานหนักขึ้น ทำให้ผนังหัวใจหนาตัวและถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง ผนังหัวใจจะยืดออกและเสียหน้าที่ ทำให้เกิดหัวใจโต และหัวใจวายได้ในที่สุด อาจเกิดภาวะหลอดเลือดในสมองตีบตัน หรือแตก ทำให้เป็นอัมพาต หรือเสียชีวิตได้ ถ้าเป็นเรื้อรังอาจกลายเป็นโรคความจำเสื่อม สมาธิลดลง เลือดอาจไปเลี้ยงไตไม่พอ เนื่องจากหลอดเลือดเสื่อม ทำให้ไตวายเรื้อรัง และภาวะไตวายจะยิ่งทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นอีก หลอดเลือดแดงในตาจะเสื่อมลงอย่างช้าๆ อาจมีเลือดที่จอตา ทำให้ประสาทตาเสื่อม ตามัวลงเรื่อยๆ จนตาบอดได้
การปฏิบัติตัว เพื่อหลีกเลี่ยงโรคความดันโลหิตสูง
เป็นที่แน่ชัดว่าการกินอาหารที่มีเกลือ (โซเดียม) สูง เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่สุดของการเกิดโรคความดันโลหิตสูง จึงควรลดการกินเกลือ (โซเดียม) ลง
เพิ่มการรับประทานผัก และผลไม้ (รสหวานน้อย)
มีกิจกรรมทางกายอย่างสม่ำเสมอ กระฉับกระเฉง เริ่มต้นได้ตั้งแต่กิจกรรมเบาๆ ไปจนถึงกิจกรรมปานกลาง เช่น การทำสวน การเดิน และทำงานบ้าน
จำกัดการบริโภคสุรา หรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ลง ให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสม หรืองดดื่ม
งดสูบบุหรี่ รวมถึงหลีกเลี่ยงการสูดดมควันบุหรี่
สำหรับผู้ป่วยภาวะโรคความดันโลหิตสูง สิ่งที่ควรปฎิบัติ คือต้องรับประทานยาสม่ำเสมอ อยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ ซึ่งยาโรคความดันโลหิตสูงที่ให้ผลการรักษาโดยการลดความดันโลหิต มีผลป้องกันโรคแทรกซ้อนจากโรคความดันโลหิตสูง เช่น โรคไตวายเรื้อรัง โรคหัวใจ และโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต
ที่มา : healthcare9dee.wordpress.com/2019/09/15/%e0%b8%aa%e0%b8%b2%e0%b9%80%e0%b8%ab%e0%b8%95%e0%b8%b8%e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%84%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%94%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b9%82%e0%b8%a5%e0%b8%ab%e0%b8%b4%e0%b8%95%e0%b8%aa/
การรับประทานอาหารที่ไม่ได้สัดส่วน หวาน มัน โดยเฉพาะอาหารที่มีเกลือ (โซเดียม) สูง มีส่วนที่ทำให้เกิดโรคความดันโลหิตสูงได้ถึงร้อยละ 50 การขาดการออกกำลังกาย จะเกิดโรคความดันโลหิตสูงร้อยละ 20 ขณะที่ภาวะอ้วนสัมพันธ์กับการเกิดโรคความดันโลหิตสูง ร้อยละ 30 ยังมีรายงานว่าการดื่มแอลกอฮอล์เกิน การสูบบุหรี่ และการบริโภคไขมันก็มีส่วนเป็นเหตุให้เกิดโรคความดันโลหิตสูง โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง ควรงดบุหรี่
ภาวะแทรกซ้อนโรคความดันโลหิตสูง
ความดันโลหิตสูง ส่งผลให้หัวใจทำงานหนักขึ้น ทำให้ผนังหัวใจหนาตัวและถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง ผนังหัวใจจะยืดออกและเสียหน้าที่ ทำให้เกิดหัวใจโต และหัวใจวายได้ในที่สุด อาจเกิดภาวะหลอดเลือดในสมองตีบตัน หรือแตก ทำให้เป็นอัมพาต หรือเสียชีวิตได้ ถ้าเป็นเรื้อรังอาจกลายเป็นโรคความจำเสื่อม สมาธิลดลง เลือดอาจไปเลี้ยงไตไม่พอ เนื่องจากหลอดเลือดเสื่อม ทำให้ไตวายเรื้อรัง และภาวะไตวายจะยิ่งทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นอีก หลอดเลือดแดงในตาจะเสื่อมลงอย่างช้าๆ อาจมีเลือดที่จอตา ทำให้ประสาทตาเสื่อม ตามัวลงเรื่อยๆ จนตาบอดได้
การปฏิบัติตัว เพื่อหลีกเลี่ยงโรคความดันโลหิตสูง
เป็นที่แน่ชัดว่าการกินอาหารที่มีเกลือ (โซเดียม) สูง เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่สุดของการเกิดโรคความดันโลหิตสูง จึงควรลดการกินเกลือ (โซเดียม) ลง
เพิ่มการรับประทานผัก และผลไม้ (รสหวานน้อย)
มีกิจกรรมทางกายอย่างสม่ำเสมอ กระฉับกระเฉง เริ่มต้นได้ตั้งแต่กิจกรรมเบาๆ ไปจนถึงกิจกรรมปานกลาง เช่น การทำสวน การเดิน และทำงานบ้าน
จำกัดการบริโภคสุรา หรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ลง ให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสม หรืองดดื่ม
งดสูบบุหรี่ รวมถึงหลีกเลี่ยงการสูดดมควันบุหรี่
สำหรับผู้ป่วยภาวะโรคความดันโลหิตสูง สิ่งที่ควรปฎิบัติ คือต้องรับประทานยาสม่ำเสมอ อยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ ซึ่งยาโรคความดันโลหิตสูงที่ให้ผลการรักษาโดยการลดความดันโลหิต มีผลป้องกันโรคแทรกซ้อนจากโรคความดันโลหิตสูง เช่น โรคไตวายเรื้อรัง โรคหัวใจ และโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต
ที่มา : healthcare9dee.wordpress.com/2019/09/15/%e0%b8%aa%e0%b8%b2%e0%b9%80%e0%b8%ab%e0%b8%95%e0%b8%b8%e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%84%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%94%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b9%82%e0%b8%a5%e0%b8%ab%e0%b8%b4%e0%b8%95%e0%b8%aa/